การเข้าปฏิบัติธรรม

การเข้าพักปฏิบัติธรรม

มาที่นี่…มาทางนี้

ดังนั้น การมาที่นี่ต้องพยายาม ไม่ต้องนั่งนิ่ง ๆ – สอนกัน แนะนำกันให้มีวิธี ทำการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ทำเป็นจังหวะ ๆ พลิกมือขวาตะแคงขึ้น ยกมือขวาขึ้นครึ่งตัว เอามือขวามาที่สะดือ - ทำอย่างนั้น แล้วก็พลิกมือซ้ายขึ้น ยกมือซ้ายขึ้นครึ่งตัว เอามือซ้ายเข้ามาทับมือขวาที่สะดือ แล้วเลื่อนมือขวาขึ้นหน้าอก เอามือขวาออกตรงข้าง แล้วก็ลดมือขวาที่ขาขวาตะแคงไว้ คว่ำมือขวาที่ขาขวา - ให้รู้สึกทุกขณะ แล้วก็เลื่อนมือซ้ายขึ้นหน้าอก เอามือซ้ายออกตรงข้าง แล้วก็ลดมือซ้ายลงที่ขาซ้ายตะแคงไว้ คว่ำมือซ้ายลงที่ขาซ้าย ทำอย่างนี้แหละ นี่แหละเรียกว่าการทำตัวเองจริง ๆ และผลของมันก็ต้องเกิดขึ้นจริง ๆ เพราะการกระทำอย่างนี้มันเป็นเหตุของมัน…

ถ้าทำจังหวะให้ติดต่อกันเหมือนลูกโซ่ มีความรู้สึกอยู่ทุกขณะ ยืน เดิน นั่ง นอน คู้ เหยียด เคลื่อนไหวอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้น แต่เรามาทำเป็นจังหวะๆ พลิกมือขึ้น คว่ำมือลง ยกมือไป เอามือมา ก้มเงย เอียงซ้าย เอียงขวา กะพริบตา อ้าปาก หายใจเข้าหายใจออก รู้สึกอยู่ทุกขณะ จิตใจมันนึกมันคิด รู้สึกอยู่ทุกขณะ อันนี้แหละวิธีปฏิบัติ คือให้รู้สึกตัว ไม่ให้นั่งนิ่ง ๆ ไม่ให้นั่งสงบ คือให้มันรู้ ถึงจะสงบ เราก็ต้องมองถึงความไม่สงบที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ต้องมองเห็นไปอย่างนั้น แต่ความสงบนั้นมันเป็นผลพลอยได้ เพราะการทำความรู้สึกตัวนี่เอง เป็นอย่างนี้ รับรองได้จริง ๆ เรื่องนี้

(จากหนังสือ “เริ่มต้นชีวิตใหม่” หน้า ๙ และ หน้า ๒๙ )


ตารางปฏิบัติธรรม



ศึกษาธรรมะกับธรรมชาติ

ศึกษาธรรมะ ศึกษากับธรรมชาติมันจริงๆ มันก็ต้องรู้มาจากกฎของธรรมชาติมันจริงๆ เพราะธรรมชาติมันสอนให้เราจริงๆ เป็นอย่างนั้น

ตาจึงเป็นหน้าที่ของมองให้เห็น หูจึงเป็นหน้าที่ของฟัง จมูกจึงเป็นหน้าที่ของดม กายเราเป็นหน้าที่ที่สัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ลิ้นนี่ กินอาหารเข้าไปเป็นหน้าที่ที่จะรู้รส จิตใจของเราเรียกว่าธรรมารมณ์เกิดขึ้นกับใจ คำว่าธรรมารมณ์เกิดขึ้น ก็คือ หมายถึง จิตใจเราปรากฏ พลิกแพลง เราต้องเห็นต้องรู้

เมื่อเรารู้จักหน้าที่ของคน เราต้องศึกษาความเป็นคน เนี่ยะ…ความเป็นมนุษย์ เรื่องเทวดา เรื่องพระอินทร์ พระ-พรหม แล้วก็ไม่ต้องศึกษาก็ได้ มันเป็นอย่างนั้น แต่เมื่อศึกษาความเป็นมนุษย์ได้แล้ว มันจะไหลไป เข้าไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคล ไม่ว่ายุคนั้นยุคนี้ ไปเหมือนเดิม

ดังนั้น การศึกษาธรรมะจึงไม่ยาก ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ใดทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับตัวคน อยู่ที่ไหนก็ทำได้…

(คัดจากแถบบันทึกเสียง รหัส ท.119ม.)


พระแปลว่าผู้สอนคน

คำว่า “พระ” แบบนี้นั้นไม่ได้หมายถึงการโกนผม ตัดเล็บ นุ่งเหลือง ห่มเหลือง พระแบบนี้นั่นแหละที่เราแสวงหา “พระ” จึงแปลว่าผู้ประเสริฐ พระ จึงแปลว่า ผู้สอนคน แน่ะ… เข้าใจอย่างนี้ ประเสริฐมากที่สุด คุณดีความงาม ความรู้สึกตัวนี่ทำให้ผมเกิดความเข้าใจอย่างนี้ พอดีเป็นอย่างนี้ ใจมันเบา มีความสว่าง เห็น ใจมันเห็น ใจมันรู้เป็นทางไป แต่ไม่ใช่ทางอย่างที่ทางรถยนต์นี่นะครับ แต่มันเป็นทางไป แต่ใจมันเป็น ใจมันเห็น ใจมันรู้ ทางเดินไปหาพระพุทธเจ้า แน่ะ… เข้าใจอย่างนั้น

(หน้า ๗๒,๘๖ เริ่มต้นชีวิตใหม่)