สรุปทางลัด

สรุปทางลัด    หน้า 76-77

อาตมาให้ข้อคิดเพียงเล็กน้อย คือ
๑. ให้หมั่นเจริญสติในทุกอิริยาบถ : พลิกมือขึ้น คว่ำมือลง ยกมือไป เอามือมา เดินหน้า ถอยหลัง เอียงซ้าย เอียงขวา กะพริบตา อ้าปาก กลืนน้ำลาย หายใจเข้า หายใจออก, ก็ให้รู้สึกตัวทั่วพร้อม. อันนี้เรียกว่าเรามีสติ, เท่ากับเอาเมล็ดงาทิ้งลงในเหว. เมื่อมีสติสมบูรณ์แล้วจะเกิดปัญญารู้-เห็นจริง ในเรื่อง : รูป-นามฐ, รูปทำ (รูปธรรม) - นามทำ (นามธรรม) , รูปโรค - นามโรค, รู้ทุกขัง-อนิจจัง-อนัตตา, รู้สมมติ, รู้ศาสนา-พุทธศาสนา, รู้บาป-บุญ รู้จริงๆ. นี่เป็นอารมณ์ของสติปัญญาแท้ๆ.



๒. ต่อจากนั้นไปก็ให้เรามาบำเพ็ญทางจิต คือ เอาสติดูจิต : จิตใจมันนึกมันคิดอะไรก็ให้รู้เท่า-รู้ทัน-รู้เอาชนะมันได้. เมื่อเรารู้เท่า-รู้ทัน-รู้เอาชนะมันได้แล้ว เรียกว่าเราได้บำเพ็ญทางจิต.
๓. ให้ทำจนคล่องแคล่วว่องไว จนความโกรธ-ความโลภ-ความหลงไม่เกิดขึ้น ก็เป็นการระงับดับทุกข์ทางจิตทางใจ.
อันความทุกข์ประเภทนี้ เราจะไปไล่อย่างไล่หมูไล่หมาไล่เป็ดไล่ไก่นั้นไม่ได้. กิเลสจำพวกนี้จำเป็นต้องอาศัยการฝึกสติให้เราเห็นจิตเห็นใจของเรา, ถ้าเราไม่เห็นจิตใจของเรา เราจะรู้สึกมันว่างเปล่าคล้ายๆ มันเป็นบ่อเป็นเหวอยู่นั่นแหละ ไม่เต็มสักที. เมื่อเรามีสติก็หมายความว่ามันเต็ม, มันไม่เป็นบ่อเป็นเหว, แล้วความโกรธ-ความโลภ-ความหลงก็ไม่มีที่ที่จะเข้าไปได้, เพราะสติเต็มอยู่แล้ว; เราจะทำการงานอะไรก็ทำด้วยสติปัญญา ความหลงผิดจะไม่มี จึงมีแต่ความถูกต้อง. กิเลสประเภทนี้มันน่าเกลียดน่าหน่าย. ถ้าใครเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วมันจะไม่เข้าไปนอนอยู่ในจิตใจ, มันกลัว. สมมติเรามีกิเลสอยู่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ มันก็ตบหน้าเราได้ทั้ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ; ถ้าเราเห็นเราเข้าใจมัน มันจะค่อยลดน้อยถอยลงไป ; ต่อไปเราพยายามทำความคุ้นเคย ดูจิดูใจของเรา กิเลสมันก็จะลดน้อยลงไปตามลำดับ ตามขั้นตามตอน ; พอถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็แสดงว่าเราไม่มีทุกข์, เรามีแต่สุข ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ . ฉะนั้นขอให้ท่านทั้งหลายพยายามปฏิบัติให้ถึงพร้อมซึ่งสันติสุขอย่างแท้จริงเถิด.

"สงบ" แปลว่าหยุดแล้ว
ไม่มีอะไรที่จะมาต่อเติมได้อีกแล้ว.