ยายเรือง

ยายเรือง
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์นางเรือง ยาที
ศิษย์ปฏิบัติธรรมเมื่อครั้งหลวงพ่อยังดำรงเพศฆราวาส
หลวงพ่อกับ ปู่ฮวน, ป้าหนอม, ยายเรือง, ยายจูมศรี, และแม่ดอกไม้
แม่เกิดที่บ้านบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เมื่อ พ.ศ. 2448 มีอาชีพทำไร่ ทำนา ได้มาปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเพราะอยู่หมู่บ้านเตียวกัน โดยพ่อกับแม่ก็ได้เข้าไปปฏิบัติ น้องก็เข้า และน้าเขยก็เข้าไปปฏิบัติ แม่ก็เลยไปลองปฏิบัติด้วย สมัยนั้นท่านสอนให้เก็บมือเข้า เอามือออก ให้ทำอย่างนั้น เวลาเดินก็เก็บมือเข้า เอามือออก การปฏิบัติของแม่ใช้วิธีนั่งบ้าง เดินบ้าง โดยตอนกลางวันก็ทำ ตอนกลางคืนก็ทำ เมื่ออยากนอนก็นอนเลย เมื่อตื่นขึ้นมา ล้างหน้าล้างตาแล้วก็สร้างจังหวะเลย
แม่ปฏิบัติกับท่านมาได้ 29 วัน ก็เห็นรูป เห็นนาม เห็นรูปธรรม นามธรรม แล้วก็เห็นรูปโรค นามโรค แม่เห็นทีละเล็ก ทีละน้อย ติดต่อกันไป หลังจากนั้นแม่ก็ได้ไปปฏิบัติที่บ้านติดต่อกันมาตลอด ปฏิบัติไปสักพักก็รู้สมมติ รู้ศาสนา รู้บาป รู้บุญ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มีทุกขสัจ สมุทัยสัจ หลังจากนั้นระยะหนึ่ง แม่จึงเห็น วัตถุ ปรมัตถ์ อาการ แล้วก็ โลภะ โทสะ โมหะ สัญญา สังขาร วิญญาณ
เมื่อปฏิบัติไปเรื่อย ๆ จึงเห็น กิเลส ตัณหา อุปาทาน และก็เห็นทุกข์คติ สุขคติ มีปีติ มีอนุสัย มีอาสวะ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ หลังจากนั้นจึงเห็น ศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ และก็มี เจโตวิมุติ และมีเมตตาด้วย
การเป็นพระนั้นต้องบวชที่จิตใจ จึงจะเป็นพระได้ เป็นโยมก็ปฏิบัติธรรมะได้ เพราะธรรมะเป็นเรื่องของจิตใจ เรื่องของทุกข์ ไม่ใช่ทุกข์ที่เกิดจากการทำไร่ทำนา แต่เป็นความทุกข์ทางด้านจิตใจ ถ้าเราเอาออกไม่เป็นมันก็หนัก หากรู้จักเอาออกเป็น มันก็ไม่หนัก มันก็เบาอกเบาใจ สบายใจ บาปก็คือตัวทุกข์ บุญคือความสุข นิพพานคือความเย็น