ยายจูมศรี

ยายจูมศรี
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ยายจูมศรีหรือนางเฟื้อย ทองหวาง
หลวงพ่อกับ ปู่ฮวน, ป้าหนอม, ยายเรือง, ยายจูมศรี, และแม่ดอกไม้
แม่ใหญ่เกิดที่บ้านบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ประมาณพ.ศ. 2453 มีอาชีพทำนา ทำไร่ ทำสวน จนประมาณปี พ.ศ. 2502 ได้มาลองปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อ ซึ่งขณะนั้นท่านยังเป็นฆราวาสอยู่ ได้เริ่มปฏิบัติโดยการนั่งทำจังหวะ บางครั้งก็เดินจงกรม แต่ก่อนแม่ใหญ่ไม่รู้จักตัวเอง ดูแต่คนอื่น จนปฏิบัติไปได้ 5 วัน ในขณะที่กำลังเดินจงกรมอย่ามานึกถึงตัวเอง เกิดเห็นรูป นาม เห็นขามันก็เป็นรูป ก็มองเห็น เห็นมือก็เป็นรูป เมื่อรู้จักรูปนามแล้วก็เลยร้องไห้ จนกระทั่งมีเสียงถามว่า เมื่อยหรือไม่ที่ร้องไห้มา ก็เลยหยุดร้องไห้ หลังจากนั้นก็ปฏิบัติต่อมาอีก 30 วัน ก็มารู้ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา แล้วก็รู้บุญ รู้บาป อันบาปนี้มันเป็นทุกข์นะ อันบุญมันเป็นความดีใจจริง ๆ แต่ก่อนมันไม่รู้จัก มันจะใช้เงินไปซื้อเอาบุญ จนบัดนี้รู้จักแล้ว สร้างเอง หาเองได้แล้ว ไม่ต้องซื้อบุญแล้ว
หลังจากนั้นก็ปฏิบัติอยู่ที่บ้านไม่ได้ขาดสักวัน มันสร้างขึ้นมามันก็พ้นไป รู้วันละเล็กวันละน้อย จนอีกหนึ่งปีต่อมา ขณะที่กำลังเดินจงกรมอยู่ ก็รู้ วัตถุ ปรมัตถ์ อาการ แล้วก็รู้ โทสะ โมหะ โลภะ แล้วก็มีเสียงถามว่า เวทนามันมีอยู่ที่ไหน มันตอบเองเลยว่า ก็เดินอยู่นี่แหละเวทนา เลยเข้าใจ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
หลังจากนั้นหลวงพ่อให้ดูตัวเอง จนมาเห็นความคิด เมื่อมันคิดแล้วเอามาเก็บไว้มันก็เป็นทุกข์ มีแต่ทุกข์ ให้มันรู้สึกตัว มันจะลุกมันก็รู้ มันนั่งมันก็รู้ ไปสับหญ้าอยู่สวน อยู่ไร่ ก็ให้รู้สึกตัว เอาตรงที่รู้สึก สำหรับจิตแล้ว มันจะสูงขึ้นเองเป็นลำดับ มันเป็นไปเอง มันค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปถ้าอ่อนความเพียรไปแล้วก็ไม่เป็น ครั้นเร่งความเพียรมันจะดีขึ้น ต้องจับความคิดให้ทัน ต้องทิ้งความคิด เมื่อคิดมาก็ปล่อยทิ้งไป เพราะความคิดมันมาบังไม่ให้ความดีอันนั้นพุ่งขึ้นมาได้ จนในที่สุด ขณะกำลังเดินอยู่ ทิ้งความคิดได้ กายก็เบา โล่ง เอาทิ้งแล้วโล่ง ส่วนจิตใจ ก็ร่าเริงเบิกบานแจ่มใสขึ้นมาทันที